วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กทม. ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดงาน “สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งลำน้ำเจ้าพระยา”

จัดทำบทความโดย: น.ส.แสงจันทร์ ทองนาค 5001103055 c1/1

เรื่อง: กทม.ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดงาน “สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งลำน้ำเจ้าพระยา”


กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.

ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ เปิดงาน “สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งลำน้ำเจ้าพระยา” พร้อมแจกคู่มือแนะนำแหล่งท่องเที่ยวตามสายน้ำเจ้าพระยา หวังกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ ขณะที่ภาคเอกชนกว่า 100 ราย ร่วมโครงการพร้อมให้ส่วนลดนักท่องเที่ยว 10-20%

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน “สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งลำน้ำเจ้าพระยา” เปิดตัวกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมแจกคู่มือการท่องเที่ยวทางน้ำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทางสายน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานครกว่า 100 ร้านค้า เพื่อเป็นการส่งเสริมและแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวทางน้ำในกทม. ให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำหรับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ กทม. ได้รับความร่วมมือจากบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา ซึ่งมีการจัดเรือด่วนพิเศษ ทัวร์ท่องเที่ยวทางน้ำให้บริการพร้อมมัคคุเทศก์ประจำเรือ โดยให้บริการทุกวันระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. เริ่มจากท่าเรือสาทร ผ่านท่าโอเรียนเต็ล สี่พระยา ราชวงศ์ สะพานพุทธ ท่าเตียน มหาราช วังหลัง และไปสิ้นสุดที่ท่าพระอาทิตย์ ค่าบริการในอัตราคนละ 150 บาท โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้ตั๋วใบเดียวเดินทางได้ตลอดทั้งวัน พร้อมมอบคูปองส่วนลดสำหรับการใช้บริการหรือซื้อสินค้าในร้านค้าที่ร่วมโครงการ

นอกจากนี้สมาคมเรือไทยที่เป็นผู้ให้บริการในการจัดเรือหางยาวท่องเที่ยวทางน้ำ เรือภัตตาคาร ยังมอบส่วนลด ค่าเรือ ค่าอาหาร ให้กับนักท่องเที่ยวในการใช้บริการต่อเนื่อง ทั้งในส่วนการท่องเที่ยวในลำคลอง เช่นคลองบางกอกน้อยหรือการรับประทานอาหารในเรือภัตตาคารด้วย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำดังกล่าว กทม. ยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการภาคเอกชนบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ และบริเวณท่าเรือทั้ง 9 แห่ง อีกกว่า 100 ร้านค้า ในการมอบส่วนลดสำหรับการใช้บริการอีก 10-20% เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่ได้รับตราสัญลักษณ์ “กรุงเทพเมืองยิ้ม หรือ Bangkok Smile”

ในส่วนของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถขอรับได้ที่กองการท่องเที่ยว รวมทั้งซุ้มประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวซึ่งตั้งอยู่ในย่านหรือแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วกรุงเทพมหานคร สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2225 7612-4

ที่มาของข่าว:www.ThaiPR.net

คำถาม

1."โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ กทม." ได้ให้ส่วนลดนักท่องเที่ยวในการเข้าร่วมโครงการกี่เปอร์เซ็นต์

2.สำหรับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ กทม.ได้รับความร่วมมือในการจัดทำโครงการจากบริษัทใด

3.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ กทม.ได้มอบส่วนลดสำหรับการใช้บริการ 10-20% เป็นระยะเวลา 1 ปี และนักท่องเที่ยวที่เข้าโครงการจะได้รับตราสัญลักษณ์แบบใด

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เปิดแผนงบประมาณ เบี้ยหัวแตก 2 แสนล้าน

จัดทำบทความโดย น.ส.ขวัญวิไล จงเสริมสุข ID.5001103054

เรื่อง:เปิดแผนงบประมาณ เบี้ยหัวแตก 2 แสนล้าน

ถือว่าคลอดจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้
โดยตัวเลขสุดท้ายที่เคาะออกมาคือ 199,960.6 ล้านบาท
หากจำแนกแยกย่อยออกมาให้เห็นกันชัดๆ ว่าแต่ละหน่วยงานได้รับงบประมาณเท่าไหร่จะ พบว่า
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังคงเป็นแชมป์ที่ชิงเค้กก้อนนี้ไปครองได้มากที่สุดที่ 48,078 ล้านบาท
โครงการหลักๆ ในกลุ่มนี้คือ การจัดการแหล่งน้ำเพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 20,232 ล้านบาท และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ชลประทาน 17,224 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีโครงการปลีกย่อยอีกจำนวนมาก อาทิ
-การส่งเสริมศักยภาพตลาดผักผลไม้
-โครงการพัฒนาศักยภาพศูนย์รวบรวมปาล์มน้ำมัน
-โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการสัตว์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การส่งเสริมปลูกปาล์มน้ำมัน
-โครงการฟื้นฟูพื้นที่นาร้าง
-โครงการเพิ่มผลิตภาพยางพาราโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น

กระทรวงศึกษาธิการ ก็เป็นอีกกระทรวง หนึ่งที่ได้รับงบประมาณไปจำนวนมากถึง 45,389.6 ล้านบาท
โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาที่เหลือก็จะเป็นโครงการที่ได้รับในระดับมหาวิทยาลัย ที่น่าจับตาคือ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้รับเงินไปถึง 1,066 ล้านบาท สูงกว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับ 10.3 ล้านบาทเท่านั้น

โครงการที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ โครงการพัฒนาคุณภาพครูโรงเรียนเอกชนเพื่อความมั่นคงในวิชาชีพครู การพัฒนาทักษะอาชีพครบวงจรในโรงเรียนปอเนาะ โครงการปัจจัยสนับสนุนการศึกษา โครงการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคอาเซียน การลงทุนด้านการศึกษาและการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

การยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษาสู่ความทันสมัย การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค
ในส่วนของมหาวิทยาลัยขอนแก่นและเชียงใหม่ จะพัฒนาศูนย์โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และบุคลากรด้านสาธารณสุข
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา มีแผนจะยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ 579 ล้านบาท เป็นต้น
กระทรวงคมนาคม ได้รับงบประมาณไปถึง 39,900.2 ล้านบาท ที่น่าจับตาเป็นพิเศษก็คือ งบประมาณในมือของกรมทางหลวง 23,626 ล้านบาท เป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง การอำนวยความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ทาง และการบำรุงรักษาทางหลวงทั่วประเทศ

ที่ฮือฮามาตลอดคือ โครงการถนนไร้ฝุ่น ในความ ดูแลของกรมทางหลวงชนบท ซึ่งใช้ เงินถึง 14,821 ล้านบาท เป็นโครงการที่จะ เริ่มก่อสร้างในปี 2553 มีจำนวนเส้นทางทั้งสิ้น 7,200 กิโลเมตร
สำหรับโครงการในส่วนของกระทรวงการคลังนั้นได้รับงบประมาณไป 1.45 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดนี้เทไปให้กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจ
เป็นการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อม คือ เพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินของรัฐ เพื่อทำหน้าที่อัดฉีดสินเชื่อเข้าสู่เศรษฐกิจ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเงินไป 11,389 ล้านบาท มากที่สุดคือ กรมทรัพยากรน้ำ 8,981 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้อนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำทั่วประเทศ การปรับปรุงสิ่งก่อสร้างด้านแหล่งน้ำเพื่อการถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ 4 โครงการ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับ 1,467 ล้านบาท นำไปพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 119 ล้านบาท โครงการพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์และสวนรุกขชาติ 366 ล้านบาท โครงการประชาป้องกันภัยดับไฟป่า การเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านอนุรักษ์สัตว์ป่า
ส่วนกรมป่าไม้ใช้เงินในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและพื้นที่ป่าต้นน้ำ ลำธาร และการส่งเสริมการปลูกต้นไม้เพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้รับโครงการเดียวคือ โครงการดิจิตอล มีเดีย เอเชีย 2010 ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ 200 ล้านบาท

คาดว่าโครงการอื่นๆ ของกระทรวงไอซีทีจะอยู่ในการพิจารณากลั่นกรองรอบ 2 ซึ่งจะมีการใช้เงินตามพ.ร.บ.เงินกู้อีก 4 แสนล้านบาท ที่เพิ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย ได้รับวงเงิน 6,423 ล้านบาท หลักใหญ่ๆ ใช้ในโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนกว่า 4,400 ล้านบาท ที่เหลือจะให้กับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 1,950 ล้านบาท เพื่อลงทุนก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และก่อสร้างอาคารเรียน
ขณะที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยงานท้องถิ่นที่มีระบบการบริหารงานพิเศษได้รับ 35 ล้านบาท ไปพัฒนาศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์มะเร็ง และเครือข่ายการบาดเจ็บแห่งชาติ 20 ล้านบาท และการพัฒนาศักยภาพแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุข ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตีได้รับงบประมาณไป 9,675 ล้านบาท ก้อนใหญ่ที่สุดน่าจะไปใช้ในโครงการต้นกล้าอาชีพ 7,509 ล้านบาท
ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นโควตาของทหาร ผ่านกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) 2,166 ล้านบาท นำไปใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการทำดีมีอาชีพที่ดูมีสีสันคืองบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 890 ล้านบาท จะนำไปใช้ติดไฟส่องสว่างสถานที่สำคัญริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 30 ล้านบาท โครงการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน 300 ล้านบาท
โครงการเฝ้าระวังการเอารัดเอาเปรียบ นักท่องเที่ยว 1 ล้านบาท โครงการรณรงค์ When You Need Help Call 1155 อีก 1.7 ล้านบาท เป็นต้น คงต้องจับตาดูว่าโครงการที่ได้รับอนุมัติจะเป็นการใช้แบบ “เบี้ยหัวแตก” เรียกว่าหว่านไปทั่วหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันอย่างเข้มข้นต่อไป




ที่มาของข่าว:
http://www.posttoday.com/finance.php?id=62456

คำถาม

1.จากการประชุมคณะรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณไปจำนวนกี่ล้านบาท

2.การลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อม คือ...........

3. สำนักนายกรัฐมนตีได้รับงบประมาณกี่ล้านบาท นำไปใช้ในโครงการใดบ้าง (ยกตัวอย่าง2ข้อ)

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีวันนี้ปรับตัวลง ขายทำกำไร-ราคาน้ำมันอ่อนตัว-กังวลการเมือง

จัดทำบทความโดย
น.ส.ขวัญวิไล จงเสริมสุข 5001103054

เรื่อง: ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีวันนี้ปรับตัวลง ขายทำกำไร-ราคาน้ำมันอ่อนตัว-กังวลการเมือง


นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บลเอเซียพลัส คาดว่าวันนี้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มเทขายทำกำไร ทำให้ตลาดอ่อนตัวได้ หลังจากราคาหุ้นได้สะท้อนผลประกอบการจนเต็มมูลค่า (Fair Value) ไป โดยเฉพาะหุ้นตัวใหหญ่ ประกอบกับความกังวลในเรื่องการเมือง "มีโอกาสที่ถูกขายทำกำไรได้ เพราะเท่าที่ดู ปัจจัยเวดล้อมสะท้อนเกี่ยวกับผลประกอบการค่อนข้างมากพอสมควรแล้ว ถ้าดูราคาหุ้นต้วใหญ่ส่วนใหญ่เต็ม Fair Value แรงขับเคลื่อนตลาดจะเบา และมีความกังวลเรื่องการเมืองก็มองว่าถูกขายทำกำไรได้เหมือนกัน"นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ให้กรอบวันนี้ แนวต้านที่ 650 จุด และแนวรับที่ 635 จุด
ด้านบล.คันทรี่ กรุ๊ป มองภาพรวมของตลาด อาจไม่ดีนัก จากปัจจัยตลาดต่างประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย และราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวลง ประกอบกับนักลงทุนอาจชะลอการลงทุนก่อนเข้าสู่วันหยุดของไทย ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง
จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุน หรือตั้งรับหุ้นในระดับที่ราคาต่ำๆไว้ก่อน แต่สำหรับนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยง หากตลาดปรับตัวลงตามที่คาด นักลงทุนอาจใช้จังหวะที่ราคาหุ้นลดลงนี้ เข้าซื้อเพื่อรับผลการประชุม FOMC ในวันที่ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการ

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คืนวาน(10 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,337.95 จุด ลบ 32.12 จุด(-0.34%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,007.10 จุด ลดลง 3.38 จุด(-0.33%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,992.24 จุด ลบ 8.01 จุด (-0.40%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 717.81 ล้านบาท วานนี้ (10 ส.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 70.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซ็นต์
- ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) มีมติให้ลดการเรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อลดราคาน้ำมันดีเซล(B2)ลงรวม 2 บาท/ลิตร
พร้อมทั้งให้ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม(LPG), ก๊าซธรรมชาติ(NGV) และค่าไฟฟ้าผันแปร(FT) ไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ค.53 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในวันนี
- ที่ประชุมวุฒิสภาวานนี้ได้ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 110 ต่อ 21 โดยงดออกเสียง 9 และไม่ลงคะแนน 1 คน พร้อมตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้น 27 คน เพื่อพิจารณาภายใน 30 วัน
- นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สว.สรรหา เปิดเผยว่า จะรวบรวมรายชื่อสส. และสว. จำนวน 1 ใน10 เสนอต่อประธานวุฒิสภาไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท เพราะไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 167 คือ ไม่มีแผนการใช้จ่ายชัดเจน ไม่ผ่านการตรวจสอบในวิธีการทางงบประมาณ
- ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดแผนกลยุทธ์ที่จะเพิ่มบทบาทของตลาดทุนไทยในภูมิภาคเอเชีย โดยการเปิดให้บริษัทต่างประเทศ (foreign issuer) สามารถออกและเสนอขายหุ้นแก่ผู้ลงทุนในประเทศไทยและนำหุ้นดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าในตลาด
- นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มของการเติบโตตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งเริ่มเห็นการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติแล้วในขณะนี้ และน่าจะได้เห็นการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังด้วย
- นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุ การกลับเข้ามาลงทุนของบรรดากองทุนต่าง ๆ และนักลงทุนต่างชาติช่วยให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงต้นปีมาที่เฉลี่ย 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.52 ซึ่งอยู่ที่ 8 พันล้านบาท/วัน
- ธปท. รายงานยอดการให้บริการบัตรเครดิตทั้งระบบงวดสิ้นเดือนมิ.ย.52 พบว่า ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งระบบมีทั้งสิ้น 7.46 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 4,532 ลบ. หรือ 6.47% จากเดือนก่อนหน้าที่มียอดใช้จ่ายแค่ 7.01 หมื่นลบ.
- ธปท.ขอดูผลการผ่อนคลายมาตรการสกัดบาทแข็ง 2-3 เดือนก่อนตัดสินใจออกมาตรการใหม่ เผยตลาดอยู่ระหว่างปรับตัว ยอมรับบาทยังคงผันผวนตามดอลลาร์อยู่
- รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม จะเสนอให้ที่ประชุมครม.วันที่ 11 ส.ค.นี้ พิจารณาปรับลดวงเงินการก่อสร้างงานในสัญญาที่ 6 ซึ่งงานด้านระบบรางและยังไม่ได้เริ่มขั้นตอนการประมูลงาน ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ จากวงเงินเดิมที่ตั้งไว้ 4,077 ล้านบาท เหลือเพียง 3,638 ล้านบาท เนื่องจากผลการประกวดราคางานสัญญาที่ 1 สัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 3 ที่ออกมา มีราคาสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้เดิม ทำให้ส่งผลกระทบต่อวงเงินงบประมาณรวมของโครงการทั้งหมดที่ตั้งไว้อยู่ที่ 36,055 ล้านบาท ทำให้จำเป็นต้องมีการขอปรับลดงบประมาณก่อสร้างงานสัญญาที่ 6 ลงมาอีก

ที่มา: อินโฟเควสท์

คำถาม
1.ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่เท่าไร

2.การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) มีมติให้เรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลน้ำมันเชื้อ เพื่อลดราคาน้ำมันดีเซลลงเท่าไร

3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อจากวงเงินเดิมที่ตั้งไว้ 4,077 ล้านบาท ลดเหลือเท่าไร