จัดทำบทความโดย: น.ส.แสงจันทร์ ทองนาค ID 5001103055
เรื่อง: ย้ำศก.ส่งสัญญาณฟื้นตัวเลขจ้างงานพุ่ง 2.3%
“อภิสิทธิ์” กดปุ่มไทยเข็มแข็งวาดฝันฉีดเม็ดเงิน 1.43 ล้านล้าน ปั๊มเศรษฐกิจไทยฟื้นใน 3 ปี คาดเกิดการจ้างงาน 1.5 ล้านคน สภาพัฒน์ ชี้ไตรมาส 3 แผนไทยเข้มแข็งลดการว่างงาน มากกว่า 5 แสนคน พร้อมเผยอัตราจ้างงานช่วงไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 2.3% คนไทยอู้ฟู้!เปลี่ยน-ใช้มือถือเพิ่มกว่า 3 ล้านคนไม่สนพิษเศรษฐกิจ ด้าน “ไอเอ็มเอฟ” เห็นสัญญาณเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แต่ห่วงปัญหาว่างงานฉุดยาวถึงปีหน้า
ที่อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 ก.ย.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 รัฐบาลลงทุนกระตุ้นไทยก้าวหน้า ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว และวางรากฐานเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง เพื่ออนาคตลูกหลานของประเทศ โดยเริ่มจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การกระตุ้นเศรษฐกิจและมีแนวโน้มดีขึ้น เชื่อว่าใน 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นบวกอีกครั้ง ทั้งนี้รัฐบาล มีแผนจะลงทุนในอนาคตระยะเวลา 3 ปี รวมวงเงิน 1.43 ล้านล้านบาท และคิดเป็นการลงทุนร้อยละ 11 ของจีดีพี โดยเมื่อคิดเฉลี่ยแล้วจะมีการลงทุนร้อยละ 5 ของจีดีพี ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงาน 1.5 ล้านคน หรืออาจจะมากกว่านั้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลขสาธารณะที่เป็นห่วงกันนั้น อยู่ในสัดส่วนที่รัฐบาลสามารถบริหารจัดการและไม่กระทบเศรษฐกิจของประเทศ โดยคาดหมายว่าในปี 2555 จะมีตัวเลขหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ประมาณร้อยละ 58-59 และจะค่อยๆ ลดลงจนถึงปี 2559จะมีตัวเลขลดลงกว่าร้อยละ 50 อย่างไรก็ดี วันนี้รัฐบาลพร้อมจะลงทุนโดยขณะนี้ได้อนุมัติโครงการไปแล้ว 2 แสนล้านบาท และจะทยอยอนุมัติ 1 แสนล้านบาท และเมื่อพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ... อีก 4 แสนล้านบาท ซึ่งความสำเร็จนี้ต้องได้รับการสนับสนุนฝ่ายราชการ และภาคประชาชนร่วมตรวจสอบเพื่อการดำเนินงานมีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใส
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงการดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็ม 2555 ว่าในรอบแรกคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเงินลงทุนวงเงิน 199,960 ล้านบาทแก่ 4 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 48,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบชลประทาน, กระทรวงศึกษาธิการ 45,389 ล้านบาท เพื่อพัฒนาคุณภาพครูให้ตรงกับความต้องการของโรงเรียน การพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน,กระทรวงคมนาคม 39,900 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการถนนไร้ฝุ่นปรับเป็นถนนลาดยางทั่วประเทศ การพัฒนารถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และกระทรวงสาธารณสุข 11,515 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโรงพยาบาลระดับจังหวัด จัดซื้อเครื่องมือกางการแพทย์ และปรับปรุงโรงพยาบาลระดับตำบล
รมว.คลัง กล่าวต่อว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ส่งผลชัดเจนว่าทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยไตรมาส 2/2552 เศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบไตรมาส 1/2552 ขณะที่รัฐบาลได้เดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ผ่านโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณากรอบวงเงินลงทุน จาก 1.56 ล้านล้านบาท เหลือ 1.43 ล้านล้านบาท โดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากผลประโยชน์ที่ประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมที่จะได้รับ
อย่างไรก็ตามประชาชนและภาคเอกชน สามารถติดตามความคืบหน้าของโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้ที่เว็บไซต์ www.tkk2555.com
วันเดียวกัน นางสุวรรณี คำมั่น รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยถึงรายงานความเคลื่อนไหวทางสังคมในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 (เม.ย.-ก.ค.) พบว่าปัญหาการว่างงานพ้นจากภาวะวิกฤติแล้วจากที่คาดการณ์ว่าจะมีผู้ว่างงานสูงถึง 1 ล้านคน ล่าสุดพบตัวเลขลดลงเหลือประมาณ 6.7แสนคน หรือร้อยละ 1.8 โดยการจ้างงานในภาพรวมขยายตัว ร้อยละ 2.3 โดยเฉพาะภาคเกษตร ยกเว้นอุตสาหกรรมการผลิต ที่จ้างงานลดลง ร้อยละ 3.2 ทั้งนี้ อัตราการบรรจุงานปรับตัวดีขึ้น จากการเริ่มฟื้นตัวในบางสาขาการผลิตและมีผู้ได้รับการบรรจุงาน 68,142 คน จากตำแหน่งงานว่างทั้งสิ้น 103,028 อัตรา
ทั้งนี้การที่นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน ออกมาระบุว่าอัตราการว่างงานเดือน ก.ค.-ส.ค.หรือไตรมาสที่ 3 จะมีผู้ว่างงานลดลงเหลือ 5.1 แสนคน นั้นถือเป็นสัญญาณที่ดี
รองเลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบว่าพฤติกรรมการใช้สินค้าประเภทเทคโนโลยีของคนไทย มีอัตราที่สูงขึ้นสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ขยายตัว โดยเฉพาะสินค้าประเภทโทศัพท์มือถือ ภาคครัวเรือนในปี 2551 มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือถึง 31.86 ล้านคน หรือร้อยละ 52.8 หรือเพิ่มขึ้น 3 ล้านคน เป็นผลมาจากยอดขายโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ที่มียอดสูง 9-10 ล้านเครื่อง ทั้งกลุ่มที่ซื้อเพื่อทดแทนของเดิม หรือซื้อเพิ่มจากที่มีอยู่แล้ว
ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดมินิก สเตราส์ส - คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกว่ามีสัญญาณฟื้นตัว เนื่องจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ แต่สัญญาณดังกล่าวยังมีความเปราะบางอยู่ พร้อมกันนี้ยังแสดงความเป็นห่วงต่อ ปัญหาการว่างงานทั่วโลก ที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงปีหน้า ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
คำถาม:
1.รัฐบาลสามารถบริหารจัดการตัวเลขหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยคาดหมายว่าในปี 2555 จะมีตัวเลขหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ลดลงประมาณร้อยละเท่าไร
2.ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงการดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็ม 2555 ว่าในรอบแรกคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเงินลงทุนวงเงิน 199,960 ล้านบาทแก่ 4 กระทรวงหลัก คือ
3.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยถึงรายงานความเคลื่อนไหวทางสังคมในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 พบว่าปัญหาการว่างงานพ้นจากภาวะวิกฤติแล้วจากที่คาดการณ์ว่าจะมีผู้ว่างงานสูงถึง 1 ล้านคน ล่าสุดพบตัวเลขลดลงเหลือเท่าไร
แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ
วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1.จะมีหนี้สาธารณะลดลงประมาณร้อยละ 58-59 และจะค่อยๆ ลดลงจนถึงปี 2559จะมีตัวเลขลดลงกว่าร้อยละ 50
ตอบลบ2. 1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.กระทรวงศึกษาธิการ 3.กระทรวงคมนาคม 4.กระทรวงสาธารณสุข
3.ลดลงเหลือประมาณ 6.7แสนคน หรือร้อยละ 1.8
น.ส.สุภาพร สองหลง ID 5001103066
1.จะมีหนี้สาธารณะลดลงประมาณร้อยละ 58-59 และจะค่อยๆ ลดลงจนถึงปี 2559จะมีตัวเลขลดลงกว่าร้อยละ 50
ตอบลบ2. 1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.กระทรวงศึกษาธิการ 3.กระทรวงคมนาคม 4.กระทรวงสาธารณสุข
3.ลดลงเหลือประมาณ 6.7แสนคน หรือร้อยละ 1.8
น.ส. เจนจิรา แซ่แง้ เลขทะเบียน 5001103056 c1/1
1.จะมีหนี้สาธารณะลดลงประมาณร้อยละ 58-59 และจะค่อยๆ ลดลงจนถึงปี 2559จะมีตัวเลขลดลงกว่าร้อยละ 50
ตอบลบ2. 1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.กระทรวงศึกษาธิการ 3.กระทรวงคมนาคม 4.กระทรวงสาธารณสุข
3.ลดลงเหลือประมาณ 6.7แสนคน หรือร้อยละ 1.8
น.ส.ทาริณี แซ่แง้ เลขทะเบียน 5001103057 c1/1
1. มีหนี้สาธารณะลดลงประมาณร้อยละ 58-59 และค่อยๆ ลดลงจนถึงปี 2559 จะมีตัวเลขลดลงกว่าร้อยละ 50
ตอบลบ2. 1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
2.กระทรวงศึกษาธิการ
3.กระทรวงคมนาคม
4.กระทรวงสาธารณสุข
3. ลดลงเหลือประมาณ 6.7แสนคน หรือร้อยละ 1.8
นางสาวปิ่นสุมา ช้างโรง ID.5001103167
1. จะมีหนี้สาธารณะลดลงประมาณร้อยละ 58-59 และจะค่อยๆ ลดลงจนถึงปี 2559จะมีตัวเลขลดลงกว่าร้อยละ 50
ตอบลบ2. 1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
2.กระทรวงศึกษาธิการ
3.กระทรวงคมนาคม
4.กระทรวงสาธารณสุข
3. ลดลงเหลือประมาณ 6.7แสนคน หรือร้อยละ 1.8
นางสาววรรณภา ทามี ID.5001103050